ขั้นตอนที่จำเป็นเมื่อเริ่มทำธุรกิจที่ญี่ปุ่น

สวัสดีครับ! นากาโอกะครับ
ที่ผ่านมาผมเขียนอธิบายเกี่ยวกับเรื่อง(วีซ่าผู้บริหาร,เคเอคันริ ริ)เพื่อการทำธุรกิจที่ญี่ปุ่นอยู่บ้าง ครั้งนี้ผมจะอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจนะครับ
แต่การจัดตั้งบริษัทที่จะกล่าวดังต่อไปนี้ไม่ใช่ขั้นตอนการขอวีซ่าผู้บริหารนะครับ ธุรกิจส่วนบุคคลก็สามารถขอวีซ่าผู้บริหารได้เช่นกัน แต่วันนี้เราจะไม่พูดถึงนะครับ

ขั้นตอนที่จำเป็นเมื่อเริ่มทำธุรกิจที่ญี่ปุ่น

1.กรณีที่ผู้บริหารไม่มีที่อยู่ที่ญี่ปุ่น ต้องมีผู้ช่วยที่จะช่วยเริ่มกิจการ
→ตามกฎหมายญี่ปุ่นแล้วชาวต่างชาติที่ไม่มีที่อยู่ที่ญี่ปุ่นก็สามารถตั้งบริษัทได้ไม่จำเป็นต้องให้คนญี่ปุ่นร่วมลงทุนครับแต่(การดำเนินการหากไม่มีผู้มีที่อยู่ในญี่ปุ่น)คนญี่ปุ่นหรือชาวต่างชาติก็ได้ช่วยแล้วจะลำบากมากครับ
2.จัดเตรียมบัญชีธนาคารญี่ปุ่นเพื่อโอนทุนจดทะเบียน
→การเปิดบัญชีธนาคารญี่ปุ่นสำหรับผู้ที่ไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น ยากครับ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีผู้ช่วยจัดตั้งบริษัทที่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น
→กรณีจัดตั้งบริษัทเพื่อขอวีซ่าผู้บริหารจำเป็นต้องมีเงินทุนจดทะเบียนมากกว่า 5 ล้านเยนครับ
3.หาสถานที่ที่ต้องการตั้งบริษัท
→ผู้ที่ไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น（หรือที่คณะกรรมการทุกคนไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น）การหาที่เช่าสถานที่ก็คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น เรื่องนี้ก็จำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่มีที่อยู่ในญี่ปุ่นครับ
→กรณีต้องการขอวีซ่าผู้บริหาร ต้องแยกที่ทำงานกับบ้านนะครับ หากจะให้ที่ทำงานกับบ้านเป็นที่เดียวกันเงื่อนไขจะยุ่งยากมากจึงควรเลี่ยงครับ หรือกรณีที่เป็นแชร์ออฟฟิศ สัญญาของห้องทำงานของเราจำเป็นต้องมีกำแพงกั้น 4 ด้าน แยกออกจากคนอื่นอย่างชัดเจน และในสัญญาต้องระบุว่าเช่าเพื่อทำธุรกิจด้วยครับ
4.เตรียมหนังสือรับรองลายมือชื่อหรือหนังสือรับรองตราประทับ
→การจัดตั้งบริษัทจำเป็นต้องใช้หนังสือรับรองตราประทับครับ สำหรับผู้ที่ไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น ต้องใช้หนังสือรับรองลายมือชื่อที่ออกโดยที่ว่าการของประเทศต้นทาง หรือให้ทนายความผู้มีอำนาจในการรับรองโนตารีเป็นผู้จัดทำเอกสารให้ครับ

5.จัดตั้งบริษัท
→นิติบุคคลก็มีหลายประเภท ค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกันไปครับ ผมแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อเลือกประเภทที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ของเรามากที่สุดครับๆ
6.ยื่นคำร้องจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลให้กับกรมสรรพากรและอื่นๆ
→นอกจากนี้ยังต้องยื่นคำร้องแจ้งเกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือนตามรูปแบบธุรกิจ หรือภาษีผู้บริโภคด้วยครับ การยื่นคำร้องนี้ถ้าทำผิดประเภทจะทำให้ขาดทุนไปมหาศาลเลย แล้วยังส่งผลต่อการดำเนินเรื่องธุรการให้ยุ่งยากในภายหลังอีกด้วยครับ
7.เปิดบัญชีธนาคารด้วยชื่อนิติบุคคล
→เพื่อป้องกันอาชญากรรม จึงไม่สามารถเปิดบัญชีบริษัทได้ง่ายๆ จำเป็นต้องเตรียมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเนื้อหางานบริษัทให้พร้อมก่อน อีกทั้งถ้าตัวแทนกรรมการไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น การเปิดบัญชีธนาคารด้วยชื่อนิติบุคคลก็คงลำบาก ซึ่งคงต้องใช้บัญชีของผู้ช่วยที่อยู่ในญี่ปุ่นไปก่อนชั่วคราวครับ
8.ว่าจ้างพนักงาน
→กรณีต้องการขอวีซ่าผู้บริหารอาจจำเป็นต้องจ้างขึ้นอยู่กับเนื้อหางานครับ
9.ยื่นเรื่องทำประกันสังคม
→ถึงแม้จะไม่ได้จ้างพนักงานแม้แต่คนเดียว ก็จำเป็นต้องยื่นเรื่องเข้าประกันสังคมครับ
→กรณีต้องการขอวีซ่าผู้บริหารจะมีการตรวจสอบว่าได้เข้าประกันสังคมอย่างเหมาะสมหรือไม่
10.ยื่นเรื่องทำประกันการว่าจ้างงาน
→กรณีว่าจ้างพนักงาน จำเป็นต้องทำประกันว่าจ้างาน
→กรณีต้องการขอวีซ่าผู้บริหารจะมีการตรวจสอบว่าได้เข้าประกันสังคมอย่างเหมาะสมหรือไม่
11.ขอใบอนุญาตเปิดกิจการหากธุรกิจที่เราต้องการทำมีระเบียบที่ต้องใช้
→ จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าต้องใช้ใบอนุญาตเปิดกิจการหรือไม่ ก่อนจัดตั้งบริษัท ดังนั้นปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญให้เรียบร้อยก่อนนะครับ
→ หากเจ้าตัวไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น ต้องมีผู้ช่วยที่อยู่ในญี่ปุ่นครับ

นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนเตรียมตัวอื่นๆอีกซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทธุรกิจที่เราอยากทำ แต่โดยพื้นฐานตามกฎหมายในการเริ่มต้นธุรกิจแล้วต้องเตรียมตัวตามขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้นครับ

กรณีที่ต้องการขอวีซ่าผู้บริหาร โดยพื้นฐานแล้วต้องเตรียมตามขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้นให้เสร็จทั้งหมดก่อนถึงจะได้วีซ่านะครับ

ขั้นตอนทางราชการซับซ้อน จะทำเองได้ครับแต่การจัดการโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญส่วนมากแล้วจะมีกรณีที่ “เจ้าตัวคิดว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่”จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญแล้วไม่เรียบร้อยเลยก็พบอยู่มากสุดท้ายแล้วจะเสียผลประโยชน์มากกว่าเหมือนที่ว่า เสียน้อยเสียยาก “เสียมากเสียง่าย” นะครับ ดังนั้นผมแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและดำเนินการอย่างเหมาะสมและต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมเช่นกันนะครับ เพราะตัวคุณเองก็จะเริ่มทำธุรกิจเพื่อให้ได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมเช่นกัน