วีซ่าลี้ภัย | อย่าหลงเชื่อคำพูดที่บอกว่า “มาทำงานได้!” ข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัย

สวัสดีครับ! นากาโอกะครับ

ในคอลัมน์นี้ผมขอถือโอกาสเตือนคุณผู้อ่านทุกท่านมักจะมีเหตุการณ์ที่คนไทยหลงเชื่อคำพูดว่าสามารถทำงานได้!”และยอมจ่ายเงินให้นายหน้าเพื่อมาญี่ปุ่นจากนั้นก็ทำเรื่องยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัย ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เพิ่มขึ้นอีกแล้วครับ

ทุกท่านคิดว่าผู้ลี้ภัยเป็นบุคคลเช่นใดครับ  ผู้ลี้ภัยในที่นี้หมายถึงบุคคลที่อาศัยอยู่นอกประเทศที่ตนถือสัญชาติเนื่องจากมีความหวาดกลัวเป็นอย่างมากว่าตนอาจจะได้รับอันตรายจากการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มทางสังคม สัญชาติ ศาสนา หรือชาติพันธุ์ และเป็นผู้ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐหรือผู้ที่ไม่ปรารถนาจะรับความช่วยเหลือจากรัฐเพราะมีความหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอเรียนผู้อ่านทุกท่านก่อนว่า การจะมาขอเป็นผู้ลี้ภัยเพื่อหนีการเกณฑ์ทหารไทยนั้นทำไม่ได้นะครับ

เดิมทีกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองไม่กำหนดให้ผู้ที่อาจจะได้รับอันตรายเข้าข่ายเป็นผู้ลี้ภัยครับ แต่ภายหลังกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมให้ผู้อพยพหนีภัยที่ได้รับการคุ้มครองเข้าข่ายตามกฎหมายและเพื่อช่วยเหลือบุคคลนั้น ในเชิงมนุษยธรรมครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้อพยพลี้ภัยที่ต้องหลบหนีจากสถานการณ์สงครามในยูเครนครับ

อย่างไรก็ตามผมไม่ได้หมายความว่าคนไทยทุกคนที่ยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัยในญี่ปุ่นนั้นไม่เข้าเงื่อนไขนะครับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนไทยหลายคนที่ยื่นขอรับการพิจารณามักจะมีเหตุผลว่าอยากมาทำงานที่ญี่ปุ่น หรือเพราะชอบญี่ปุ่นและอยากจะอาศัยที่นี่ ซึ่งทุกคนก็คงจะไม่ได้บอกเหตุผลดังกล่าวกับนิวกัง ตัวผมเองก็รู้สึกดีใจที่ทุกคนบอกว่าชอบประเทศญี่ปุ่น และเข้าใจนะครับว่ามนุษย์ทุกคนถ้าไม่ทำงานก็คงจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะครับว่าเหตุผลดังกล่าวนั้นล้วนเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจว่าอยากจะอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ปัญหาคือเหตุผลที่ว่ามานั้นไม่เข้าข่ายการเป็นผู้ลี้ภัยซักอย่างเลยนะสิครับ

ผมคิดว่าเหตุผลที่มีผู้ยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัยเพิ่มมากขึ้น มีอยู่ 2 เหตุผลครับ

  • เหตุผลที่ 1 เป็นเพราะขั้นตอนการดำเนินการจะต้องพิจารณาอย่างละเอียด รวมถึงระยะเวลาการพิจารณาและตรวจสอบเพื่อรับเป็นผู้ลี้ภัยนั้นใช้เวลานานและอาจนานร่วมหลายปี เมื่อผลการพิจารณาออกและปรากฏว่าไม่เข้าเงื่อนไขก็สามารถทำเรื่องอุทธรณ์และขอให้ทางการญี่ปุ่นพิจารณาใหม่อีกได้
  • เหตุผลที่ 2 ก็เพราะว่าตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี2010 เป็นต้นมา ผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ลี้ภัยสามารถทำงานได้ในระหว่างที่รอผลการพิจารณาอันยาวนานและยืดเยื้อ

แต่ภายหลังที่กฎหมายมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้มีการคัดกรองผู้ที่ไม่เข้าข่ายการเป็นผู้ลี้ภัยอย่างชัดเจนและทำการพิจารณาผลให้รวดเร็วมากขึ้น และได้กำหนดจำนวนครั้งที่จะสามารถอุทธรณ์ได้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งข้อจำกัดในการทำงานก็จะมีมากขึ้นอีกครับ ดังนั้น ผู้ที่เข้าใจว่ามาญี่ปุ่นและทำงานได้!” อาจจะเข้าข่ายการลักลอบทำงาน และลักลอบอยู่ญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย อาจทำให้ได้รับโทษหนักจากการทำผิดกฎหมายก็เป็นได้ครับ

อย่าหลงเชื่อคำพูดของคนรู้จักที่บอกว่า “มาอยู่ญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ ” หรือคำพูดของนายหน้าที่บอกว่า “มาทำงานที่ญี่ปุ่นได้!” อย่างง่ายดายนะครับ

คนญี่ปุ่นเองก็ยังไม่สามารถไปอยู่หรือทำงานที่เมืองไทยได้อย่างง่าย เลยครับกลับกันคนไทยเองก็ไม่สามารถมาอยู่หรือทำงานที่ญี่ปุ่นได้อย่างง่าย เช่นกันครับ

คุณอาจจะมองว่าคนที่มาหลอกลวงคุณดูเป็นคนดี มีน้ำใจ ซึ่งแน่นอนครับ คนเหล่านั้นเขารู้จักที่จะแสดงออกให้เขาดูเหมือนเป็นคนดี มีน้ำใจครับ

ระวังด้วยนะครับทุก ท่าน อย่าตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ และอย่าหลงไปทำสิ่งผิดกฎหมายอันร้ายแรงนะครับ


“สำนักงานกฎหมาย สดใส โยชิทาเกะ นากาโอกะ 3-9-27 Kamiosaki, Shinagawa-ku, Tokyo 141-0021”